×
ค้นหา

การรับบัพติศมาจำเป็นหรือไม่?

พระธรรมโรมทั้งเล่มแสดงให้เห็นว่าบุคคลหนึ่งจะมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าก็โดยความเชื่อศรัทธา โดยการเชื่อ อ.เปาโลพูดถึงรายละเอียดเรื่องนี้ในโรมบทที่ 2-4 (โดยเฉพาะบทที่ 4) เพื่อแสดงว่าอับราฮัมได้รับความรอด ได้รับการประกาศให้เป็นคนชอบธรรมโดยพระเจ้า เพราะท่านมีความเชื่อในพระเจ้า-ไม่ใช่เพราะการเข้าสุหนัตของท่าน ในข้อที่ 2 อ.เปาโลได้โยงเรื่องการเข้าสุหนัตกับ “การประพฤติ” ถ้าหากอับราฮัมได้เป็นคนชอบธรรมโดยทางการเข้าสุหนัต ท่านก็จะมีบางสิ่งที่สามารถอวดได้(4:2) แต่ไม่ใช่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า พระเจ้าทรงยอมรับและนำคนมาสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ โดยมีพื้นฐานจากความเชื่อของเขา... “แต่ได้เชื่อในพระองค์ผู้ทรงโปรดให้คนผิดเป็นคนชอบธรรมได้” (4:5)

มันมีเรื่องการรับบัพติศมาฝ่ายวิญญาณซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรอด เมื่อเราเชื่อในพระเจ้า เราได้รับบัพติศมาเข้าสู่พระเยซูคริสต์ (โรม 6:3-4) สิ่งนี้เป็นความจริงยิ่งและเป็นเรื่องการบัพติศมาฝ่ายวิญญาณ เหมือนเรื่องการถูกตรึงกับพระองค์ก็เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ (ไม่ใช่ความหมายตามตัวอักษร) (โรม 6:5)

ในขณะที่ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคนควรเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ที่ว่าให้รับบัพติศมาก็ตาม (มัทธิว 28:19) แต่มันไม่สำคัญหรือเท่าเทียมกันกับเรื่องของความรอด ความรอดนั้นได้มาโดยพระคุณโดยผ่านทางความเชื่ออย่างเดียวเท่านั้น (เอเฟซัส 2:8-9, 1 ยอห์น 5:11-13, ยอห์น 3:16, ลูกา 7:10, โรม 10:9-10, กิจการ 16:30-31, โรม 1:16-17, 2 ทิโมธี 3:15, 1เปโตร 1:3-5,9) การรับบัพติศมาด้วยน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่มาจากภายในและการชำระซึ่งแสดงว่าเขาเป็นส่วนของพระกายของพระคริสต์ (โรม 6:1-16)

เมื่อคนหนึ่งได้รับบัพติศมาด้วยน้ำ มันคือการแสดงตัวเป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระคริสต์ เป็นคำพยานต่อผู้อื่นว่าคนผู้นี้เชื่อในพระเยซูและเขาเป็นของพระองค์ มันไม่ใช่พิธีบัพติศมา ที่ทำให้เขารอด แต่เป็นเพราะความเชื่อของเขาในพระเยซู มันคล้ายคลึงกันกับการเดินออกไปข้างหน้าเมื่อมีการประกาศในโบสถ์ การเดินออกไปข้างหน้า ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนนั้นรอดแต่เป็นความเชื่อของคนๆนั้นในพระเยซู การรับบัพติศมาด้วยน้ำและการประกาศตัวต่อสาธารณชนเป็นการทำให้คนทราบถึงสิ่งที่เป็นจริงในชีวิตของคนผู้นั้นคือ-การที่เขาเชื่อในพระเยซู ในยอห์น 15 และในข้ออื่นๆพูดถึงการที่พระเยซูทรงสถิตอยู่ในเราทันทีที่เราเชื่อในพระองค์ พระคัมภีร์หลายข้อพูดเกี่ยวกับการที่พระองค์ทรงเข้ามาอยู่ในชีวิตของเรา (โรม8:9-10) เมื่อเราเชื่อ

ตอนที่เราต้อนรับพระคริสต์ เราก็ได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โครินธ์ฉบับที่หนึ่ง 12:12-13 กล่าวว่า “ถึงกายนั้นเป็นกายเดียวก็ยังมีอวัยวะหลายส่วน และอวัยวะเหล่านั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวฉันใด พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิว หรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกันเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่” และเอเฟซัส 1:13-14 กล่าวว่า “ในพระองค์นั้นท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังสัจ-วาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่านและได้วางใจในพระองค์ ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา เป็นมัดจำแห่งการรับมรดกของเรา จนกว่า เราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์” ในโรม 8 ก็พูดอย่างกว้างๆเกี่ยวกับการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในทุกคนที่เชื่อ